สวนดุสิตโพลเผยดัชนีการเมือง ธ.ค.68 ลดลงเกือบทุกตัวชี้วัด ปชช.หวัง รบ.ใหม่เร่งฟื้นเศรษฐกิจ

焦点 2025-12-29 03:25:45 8521


"สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง "ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนธันวาคม 2568" กลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,สวนดุสิตโพลเผยดัชนีการเมืองธคลดลงเกือบทุกตัวชี้วัดปชชหวังรบใหม่เร่งฟื้นเศรษฐกิจ151 คน ระหว่างวันที่ 22-26 ธันวาคม 2568 โดยมีตัวชี้วัด 25 ประเด็นที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยในด้านต่างๆ ซึ่งแต่ละตัวชี้วัดมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน สรุปผลเรียงลำดับจากค่าคะแนนสูงสุดไปถึงต่ำสุด ได้ดังนี้

1. "ดัชนีการเมืองไทย" เดือนธันวาคม 2568 ภาพรวมคะแนนเต็ม 10 ได้ 3.87 คะแนน ลดลงจาก 3.90 คะแนน ในเดือนพฤศจิกายน 2568

2. ประชาชนให้คะแนน 25 ตัวชี้วัด "ดัชนีการเมืองไทย" โดยคะแนนเต็ม 10 เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้ดังนี้

(1) การมีส่วนร่วมของประชาชน ได้ 4.46 เพิ่มขึ้นจาก 4.41 (ในเดือนพฤศจิกายน 2568)
(2) ผลงานของฝ่ายค้าน ได้ 4.45 ลดลงจาก 4.46
(3) สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ได้ 4.37 เพิ่มขึ้นจาก 4.36
(4) การพัฒนาด้านการศึกษาสำหรับประชาชน ได้ 4.20 ลดลงจาก 4.21
(5) ความมั่นคงของประเทศ ได้ 4.11 ลดลงจาก 4.13
(6) เสถียรภาพทางการเมือง ได้ 4.00 ลดลงจาก 4.11
(6) สภาพสังคมโดยรวม ได้ 4.00 ลดลงจาก 4.09
(6) การดำเนินงานของพรรคการเมืองโดยภาพรวม ได้ 4.00 ลดลงจาก 4.02
(9) ค่าครองชีพ เงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ ได้ 3.99 ลดลงจาก 4.01
(10) การพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ได้ 3.90 ลดลงจาก 3.92
(11) การแก้ปัญหาต่างๆ ในภาพรวม ได้ 3.89 ลดลงจาก 3.91
(12) การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ ได้ 3.87 ลดลงจาก 3.90
(13) ราคาสินค้า ได้ 3.86 ลดลงจาก 3.98
(14) การบริหารประเทศตามนโยบายที่ประกาศไว้ ได้ 3.85 ลดลงจาก 3.88
(15) ผลงานของรัฐบาล ได้ 3.82 ลดลงจาก 3.85
(16) การปฏิบัติตนและพฤติกรรมของนักการเมือง ได้ 3.72 ลดลงจาก 3.80
(17) ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ได้ 3.68 เท่าเดิม
(18) ผลงานของนายกรัฐมนตรี ได้ 3.66 ลดลงจาก 3.69
(18) ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ได้ 3.66 ลดลงจาก 3.67
(20) สภาพเศรษฐกิจโดยรวม ได้ 3.61 เท่าเดิม
(21) กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ได้ 3.60 ลดลงจาก 3.73
(22) การแก้ปัญหาการว่างงาน ได้ 3.51 ลดลงจาก 3.53
(23) การแก้ปัญหาความยากจน ได้ 3.44 เท่าเดิม
(24) การแก้ปัญหายาเสพติดและผู้มีอิทธิพล ได้ 3.43 ลดลงจาก 3.55
(25) การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส ได้ 3.39 ลดลงจาก 3.50

3. ประชาชนมีความตั้งใจจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 หรือไม่

อันดับ 1 ร้อยละ 78.38 ระบุ ไป
อันดับ 2 ร้อยละ 17.95 ระบุ ไม่แน่ใจ
อันดับ 3 ร้อยละ 3.67 ระยุ ไม่ไป

4. ประชาชนอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินนโยบายด้านใดมากที่สุด

อันดับ 1 ร้อยละ 34.11 ระบุ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ
อันดับ 2 ร้อยละ 23.13 ระบุ ลดค่าครองชีพและแก้ปัญหาปากท้อง
อันดับ 3 ร้อยละ 21.03 ระบุ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
อันดับ 4 ร้อยละ 13.55 ระบุ ปราบสแกมเมอร์ ภัยสังคม แก๊งคอลเซ็นเตอร์
อันดับ 5 ร้อยละ 8.18 ระบุ แก้หนี้สิน หนี้ครัวเรือน

5. ประชาชนอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

อันดับ 1 ร้อยละ 26.55 ระบุ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
อันดับ 2 ร้อยละ 18.22 ระบุ อนุทิน ชาญวีรกูล
อันดับ 3 ร้อยละ 17.29 ระบุ ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์
อันดับ 4 ร้อยละ 10.13 ระบุ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อันดับ 5 ร้อยละ 17.02 ระบุ ยังไม่ตัดสินใจ

และร้อยละ 10.79 ระบุ อื่นๆ อาทิ พล.อ.รังษี, พีระพันธุ์, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์, คุณหญิงสุดารัตน์, สุชัชวีร์, ธรรมนัส และ พ.ต.อ.ทวี

6. ประชาชนรู้หรือไม่ว่าการเลือกตั้ง 69 สว. ไม่มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี

อันดับ 1 ร้อยละ 62.72 ระบุ รู้
อันดับ 2 ร้อยละ 37.28 ระบุ ไม่รู้

สรุปผลการสำรวจ "ดัชนีการเมืองไทย เดือนธันวาคม 2568" พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวม เฉลี่ย 3.87 คะแนน ลดงจากเดือนพฤศจิกายน 2568 ที่ได้ 3.90 คะแนน

ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ การมีส่วนร่วมของประชาชน เฉลี่ย 4.46 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส 3.39 คะแนน

เมื่อถามถึงการเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พบว่า กลุ่มตัวอย่างตั้งใจจะไปใช้สิทธิ ร้อยละ 78.38 และอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจมากที่สุด ร้อยละ 34.11

ทั้งนี้ บุคคลที่อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 26.55 และเมื่อถามว่ารู้หรือไม่ว่าการเลือกตั้ง 69 สว. ไม่มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่า รู้ ร้อยละ 62.72 และ ไม่รู้ ร้อยละ 37.28

ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนธันวาคม 2568 ลดลงเล็กน้อยหลังการยุบสภา สะท้อนการเมืองที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง โดยประชาชนส่งสัญญาณชัดว่า ความหวังอยู่ที่ "เศรษฐกิจ" เพราะปัญหาปากท้องยังบีบคั้นชีวิตประจำวัน และพรรคใดเสนอทางออกที่จับต้องได้ แก้ได้จริง ไม่ใช่เพียงนโยบายเฉพาะหน้า ก็อาจได้เปรียบในสายตาผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

ดร.งามประวัณ เอ้สมนึก คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ดัชนีการเมืองไทย เดือนธันวาคม 2568 มีเพียงไม่กี่ตัวชี้วัดที่ขยับเพิ่มขึ้น คือ "การมีส่วนร่วมของประชาชน" และ "สิทธิ-เสรีภาพ" การขยับดับกล่าวมิได้สะท้อนความสำเร็จของรัฐบาลเดิม หากสะท้อนการตื่นตัวของสังคมในช่วงหลังยุบสภาและก่อนเลือกตั้ง การเมืองกำลังกลับมาอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คน ผ่านเวทีดีเบต และการถกเถียงสาธารณะ ขณะเดียวกัน ตัวชี้วัดเกือบทั้งระบบกลับปรับลดลงพร้อมกัน ภาพรวมจึงชี้ว่า ประชาชนเริ่มรับรู้ว่า "รัฐบาลเดิมกำลังเอาไม่อยู่" ต่ออำนาจนอกระบบและความไม่แน่นอนเชิงโครงสร้าง นี่คือเหตุผลเชิงลึกที่ทำให้สังคมไทยกำลังมองหา "ผู้นำทางการเมืองชุดใหม่"

ทั้งนี้ แม้ประชาชนกว่า 78% จะตั้งใจไปเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองเป็นเครื่องมือเพื่อเอาตัวรอดมากกว่าพิธีกรรมประชาธิปไตย เพราะความต้องการอันดับต้นล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ความปลอดภัย และปัญหาชายแดน สะท้อนการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการโหวตจากความกังวลมากกว่าการโหวตจากอุดมการณ์ ประชาชนเกือบหนึ่งในห้ายังลังเลต่อการเลือกผู้นำ และที่น่ากังวลใจอย่างยิ่งคือ กว่า 37% ยังไม่ทราบว่า สว. ไม่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี แสดงว่าประชาชนยังไม่เข้าใจบทบาทที่แท้จริงของ สว. และนี่คือภาพของประชาธิปไตยเชิงพิธีกรรมที่ประชาชนยังเข้าไม่ถึงโครงสรส้างอำนาจ ดังนี้ การเลือกตั้ง 2569 จึงเป็นการทดสอบว่าระบบการเมืองยังพาประเทศไปสู่ความมั่นคงได้จริงหรือไม่
本文地址:http://flash.hmlsa40.cn/html/70e8199848.html
版权声明

本文仅代表作者观点,不代表本站立场。
本文系作者授权发表,未经许可,不得转载。

全站热门

高考英语作文:水资源

2025年精选唯美好听的歌词5句

“背靠背”1980度空翻 苏翊鸣难度动作创下吉尼斯纪录

变废为宝的一碗护眼汤:胡萝卜鸭架汤

Formula 1阿提哈德航空阿布扎比大奖赛为亚斯岛带来了339,000名粉丝

全运会背后的大厂护航员:以"广汽力量"助力港澳赛区圆满办赛

พรรคไทยภักดีประกาศนโยบายปราบโกง เสนอยกเลิกแบงค์ 1000 และแบงค์ 500

Kỳ 116: Dấu ấn cà phê trong lịch sử học

友情链接